หลานทาสยานรกสุดทรพี คลุ้มคลั่งใช้มีดพร้าฟันสองตายายบาดเจ็บปางตาย-วบ้านแจ้งตำรวจระงับเหตุช่วยเหลือสองตายายส่ง รพ.โดยยายถูกนำส่งต่อไปยัง รพ.มหาราช อาการร่อแร่ยังไม่พ้นขีดอันตราย-ส่วนคุณฯตาอาการปลอดภัยแล้ว
(5 เม.ย.) พ.ต.อ.ภูวศิษฎิ์ วังแก้ว ผกก.สภ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งจากจากผู้ใหญ่บ้าน นายกิตติ หนูเนตร ผู้ใหญ่ ม.3 ต.กะเปียด อ.ฉวาง ว่ามีคนคลุ้มคลั่งทำร้ายร่างกายมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 รายที่บ้านเลขที่ 101 หมู่ 3 ต.กะเปียด อ. ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช จึงพร้อมด้วย พ.ต.ต.พันธุ์ศักดิ์ ทองมี สวป.(ชส) สภ.ฉวาง เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจสายสืบ นายธีรัตน์ แทนสกุล ปลัดอำเภอฉวาง เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่กู้ชีพ อบต.กะเปียด รีบรุดเดินทางไปตรวจสอบ

เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบคนเจ็บ 2 ราย เป็นผู้สูงอายุชาย/หญิง ทราบชื่อนางสมบูรณ์ อายุ 82 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ร่างกายซ้ำบวมและศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง โดยมีบาดแผลถูกตีด้วยของแข็งที่หน้าผากและศีรษะเลือดไหลโชก สลบไม่รู้สึกตัว จึงนำส่ง รพ.มหาราช อีกรายทราบชื่อนายจีบ อายุ 83 ปีสามีของนางสมบูรณ์ ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะเลือกไหลโชกเช่นกัน แต่ยังรู้สึกตัวจึงนำส่ง รพ.สมเด็จพระยุพราช

ส่วนคนก่อเหตุทราบชื่อนายธีรวุฒิ เป็นหลานชายของคนเจ็บ หลังจากก่อเหตุได้หลบหนีอยู่ในบ้าน และมีอาหารคลุ้มคลั่งพูดจาไม่รู้เรื่อง ในมือถืออาวุธมีดพร้าคมกริบ เจ้าหน้าที่จึงระดมกำลังเข้าควบคุมตัวเอาไว้ได้ พร้อมอาวุธมีดพร้าของกลางที่ใช้ก่อเหตุ ควบคุมตัวไปสอบสวนดำเนินคดีที่โรงพัก
จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่านายธีรวุฒิ ผู้ก่อเหตุ อาศัยอยู่กับสองตายายผู้บาดเจ็บตั้งแต่เล็ก ๆ โดยสองตายายได้เลี้ยงดูเป็นอย่างดี แต่นายธีรวุฒิ มีพฤติกรรมข้องเกี่ยวยาเสพติด และมีอาการคลุ้มคลั่งเคยก่อเหตุทำร้ายร่างกายตายายสูงอายุหลายครั้ง จนชาวบ้านเกรงว่าตายายอาจจะถูกนายธีรวุฒิฆ่าตายไม่วันใดก็วันหนึ่ง จนเมื่อนายธีรวุฒิ คลุ้มคลั่งก่อเหตุใช้มีดพร้าหันตาและยายบาดเจ็บ ชาวบ้านจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาระงับเหตุช่วยเหลือสองตายาย และจับกุมนายธีรวุฒอิ หลายชายทรพีไปดำเนินคดีตามกฎหมายดังกล่าว
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถสอบสวนปากคำนายธีรวุฒิ ได้เนื่องจากอยู่ในอาการเหม่อลอย ไม่ยอมพูดไม่จากับใคร แต่ได้พูดสั้น ๆ รับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุทำร้ายตากับยายจนบาดเจ็บจริง จึงคุมตัวส่งโรงพยาบาลให้แพทย์ตรวจรักษา ว่ามีอาการป่วยจิตเวชหรือไม่ และจะดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

ไพฑูรย์ อินทศิลา /นครศรีธรรมราช
5 เม.ย.2568