ข่าวทั่วไทย

Just another WordPress site

ข่าวทั่วไทย

Just another WordPress site

ข่าวทัวไป

เมืองคอนไม่แผ่ว.!! หนุ่มภูเก็ตบุกเมืองคอนร้องเจ้าสำนักสงฆ์ดังแอบตีท้ายครัว“เมียฝรั่ง” หลายครั้ง

(13 ก.ค.) นายศาสวัตร อายุ 33 ปี ภูมิลำเนา อ. ถลาง จ.ภูเก็ต ได้เดินทางเข้าพบ “คนข่าวตัวดำ” ไพฑูรย์ อินทศิลา ประธานศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.ชมรมนักข่าว/สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช กรณีที่เคยร้องเรียนนพฤติกรรมของพระสงฆ์เจ้าสำนักสงฆ์ชื่อดังแห่งหนึ่งใน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช เดินทางไปปักหลักพำนักอยู่บ้านหรือคฤหาสน์หรูของผู้หญิงเมียฝรั่งในขณะที่สามีฝรั่งเดินทางกลับประเทศ โดยพำนักอยู่หลังละหลายวัน บางช่วงนานนับเดือน จนเป็นที่วิพากวิจารณ์ของชาวบ้านถึงความไม่เหมาะสมอย่างกว้างขวาง


นายศาสวัตร กล่าวว่า ตามปกติตนก็รู้กับกับผู้หญิง เมียฝรั่งเป็นอย่างดี และมีบล้านอยู่ไม่ไกลกันมากนัก ตนและชาวบ้านเห็นว่าเป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสม จึงเข้าไปสอบถามเมียฝรั่งว่าพระสงฆ์มาทำอะไร แต่ไม่เหมาะสมที่มาพักนักอยู่สองต่อสองครั้งละนาน ๆ ตอนแรกเมียฝรั่งอ้างว่าพระมาช่วยรักษาโรค ซึ่งเป็นตำราทางไสยเวทย์และแผนโบราณ ตนและชาวบ้านพยายามจะเฝ้าติดตามและรวบรวมพยานหลักฐานอย่างยากลำบาก เพราะบ้านเมียฝรั่งเป็นคฤหาสน์ใหญ่ มีอาณาบริเวณกว้างขวาง มีรั้วรอบขอบชิด และมีการเลี้ยงมีสุนัขพันธ์ต่างประเทศตัวใหญ่ ๆ และดุร้ายนับ 10 ตัวไว้ โดยภาพพระสงฆ์เข้าออกและพำนักอยู่กับเมียฝรั่งกลายเป็นภาพที่ชินตาของตนและชาวบ้าน ซึ่งตนมองว่าไม่เหมาะสมทำให้พระสงฆ์และศาสนาเสื่อมเสีย จึงเดินทางจาก จ.ภูเก็ต เข้ายื่นเรื่องน้องเรียนสำนักพุทธจังหวัดนครศรีธรรมราช ต้นสังกัดสำนักสงฆ์ที่พระรูปดังกล่าวสังกัดอยู่ให้ตรวจสอบและแก้ไขปัญหา
แต่สำนักพุทธ ฯดองเรื่องไว้นานหลายเดือนโดยไม่มีความคืบหน้าใด ๆตนจึงร้องเรียนเพจ “ตนข่าวตัวดำไพฑูรย์ อินทศิลา สื่อมวลชนอาวุโสจังหวัดนครศรีธรรมราช จนมีการนำเสนอข่างเบื้องต้นทางโซเชี่ยล หลังจากนั้นไม่กี่วันทางสำนักพุทธและคณะสงฆ์ (ธรรมยุติ) จังหวัดนครศรีธรรมราช แจ้งตนว่าอยู่ระหว่างการตามหาพระรูปดังกล่าวมาพบเพื่อสอบสวนปากคำ ตนจึงบอกว่าจะช่วยตามหา โดยโพสต์ข้อความที่คณะสงฆ์แจ้งพร้อมรูปภาพพระรูปดังกล่าวและเมียน้อยฝรั่งในโซเชี่ยล ทราบว่าเมียน้อยฝรั่งได้ไปแจ้งความดำเนินคดีตนในข้อหาหมิ่นประมาท ที่ สภ.ถลางด้วย ในขณะที่พระรูปดังกล่าวได้โพสต์ข้อความประนาฌตนว่าเป็นคนทำลายศาสนา”ตนได้ไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ถลาง จ.ภูเก็ต เพื่อดำเนินคดีกับพระรูปดังกล่าวในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา


ต่อมาทางคณะสงฆ์ได้ส่งหนังสือถึงตนพร้อมภาพที่เชิญพระสงฆ์รูปดังกล่าวเข้าพบโดยมีหนังสื่อแนบมาด้วยระบุว่าการสอบสวนพระรูปดังกล่าวแล้วสรุปว่าไม่มีความผิดกฎหมาย ไม่ผิดวินัยสงฆ์ใด ๆ ทั้ง ๆ ที่เป็นการสอบสวนฝ่ายเดียว ไม่ได้เรียกตนในฐานะผู้ร้องไปสอบสวนยืนยันหรือโต้แย้งใด ๆ และไม่ได้ลงพื้นที่บ้านเมียฝรั่งสอบปากคำชาวบ้านข้างเคียงซึ่งทุกคนพร้อมให้ปากคำ เพราะต่างรู้สึกเป็นห่วงพระพุทธศาสนา


นายศาสวัตร กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นในวันที่ 7 ก.ค.2568 ที่ผ่านมา ทางเมียฝรั่งซึ่งถือว่ามีฐานะและกว้างขวางในพื้นที่ได้แจ้งให้ฝ่ายปกครองนำโดยปลัดอำเภอเมือง จ.ภูเก็ต คนหนึ่งพร้อมกำลังเกือบ 10 คน มีอาวุธปืนครบมือนำลังมาตรวจบ้านของตน โดยไม่มีหมายค้นจากศาล แต่อ้างว่ามีบัตรเจ้าหน้าที่ ปปส. แต่การตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใด ๆ พบเพียงกัญชาซึ่งตนมีไว้รักษาโรคจำนวนเล็กน้อย จึงควบคุมตัวตนไปยังกองร้อย อส.โดยเชิญเมียฝรั่งมาด้วย บ่งบอกถึงการจงใจกลั่นแกล้งและจุดประสงค์ที่แท้จริงเรื่องอะไร โดยมีการบันทึกเอกสารข้อตกลงระหว่างตนกับเมียฝรั่ง 2 ข้อ 1.จะทั้งสองฝ่ายจะไม่ยุ่งเกี่ยวซึ่งกันและกัน ต่างคนต่างอยู่และไม่ทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเกิดความหวาดกลัว และเสียหายในชีวิตและทรัพย์สิน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป 2.หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และบีบบังคับ กดดัน ข่มขู่ให้ตนเซ็นชื่อยอมรับตามเอกสาร มีปลัดอำเภอ และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเซ็นชื่อเป็นพยานด้วย เรื่องนี้ตนจะดำเนินคดีกับปลัดอำเภอและเจ้าหน้าที่ทุกคนที่บุกตรวจค้นบ้านตน ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามกฎหมาย ม.157


“วันนี้สังคมพุทธเกิดอะไรขึ้น คนที่พยายามจะปกป้องศาสนา สอดส่องดูแล ร้องเรียนพระสงฆ์ที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสม ยอมเสียสละเวลาทำมาหากิน เสียค่าจ่ายในการเดินทางระหว่างนครศรีธรรมราช -ภูเก็ต ต่อเนื่อง แต่แทนที่จะมีการสอบสวนอย่างตรงไปตรงมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักพุทธ คณะสงฆ์ กลับเข้าด้วยช่วยเหลือปกป้องคนผิด ในขณะที่ชาวพุทธผู้แจ้งกลับถูกด่าประนาฌว่า “ทำลายศาสนา” และยังกลั่นแกล้งจากหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ แบบนี้ และถูกดำเนินคดีแบบนี้ ตัวการที่ทลายศาสนาตัวจริงหรือใครกันแน่ หากยังเป็นอยู่ในลักษณะนี้แบบนี้ศาสนาพุทธมีแต่จะเสื่อมถอยลงเรื่อย ๆ” นายศาสวัตร กล่าวอย่างเหนื่อยหน่ายใจในที่สุด


ไพฑูรย์ อินทศิลา /นครศรีธรรมราช
13 ก.ค.2568

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *