พม.เมืองคอนจับมือมูลนิธิ เป็นหนึ่ง” และ สมาคมสื่อฯ ลุยเคส “คุณครูมนุษย์ป้า” ทำร้ายทารุณหนูน้อย ป.2-ผอ.เอาจริงฟันไม่เลี้ยง-ลั่นพร้อมตัดนิ้วร้าย
จากกรณี “ทนายเอก เมืองคอน”ทนายความชื่อดัง จ.นครศรีธรรมราช ร้องเรียนศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.ชมรมนักข่าว/สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ว่าบุตรชายตนเรียนชั้น ป.2/4 อายุ 8 ขวบ โรงเรียนชื่อดังระดับนานาชาติ สังกัดเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช โดยในวันศุกร์ ที่ 18 กรกฎาคม 2568 หลังเลิกเรียนบุตรชายได้นำเรื่องมาบอกผู้ปกครองว่าถูกคุณครูผู้หญิง โรงเรียนดังกล่าวอายุกว่า 50 ปี ใช้ด้ามไม้กวาดทุบตีอย่างแรง 3 ครั้ง และยังกระชากผ้าพันคอลูกเสือที่ผูกติดอยู่ที่ลำคอบุตรชาย จนทำให้บุตรชายเสียหลักหัวทิ่มล้มลงกับพื้นห้องเรียน ซึ่งในขณะก่อเหตุคุณครูส่งเสียงหวีดกรี๊ดร้องตะโกนเหมือนคนเสียสติ ท่ามกลางความแตกตื่นตกใจของนักเรียนในห้องกว่า 30 คน ต่างหวาดกลัวคุณครูและช็อคกับเรื่องวาวและเหตุการณ์กันไปตาม ๆ กัน และเตรียมรวบรวมพยานหกลักฐานเข้าแจ้งความดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ฯจนถึงที่สุด ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือ “ต้นอ้อ” ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง ได้ประสานขอข้อมูลจาก “คนข่าวตัวดำ” ไพฑูรย์ อินทศิลา ประธานศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.ชมรมนักข่าว/สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ได้รับการร้องเรียน โดยหลังจากพิจารณาคลิปวีดีโอวงจรปิดที่จับภาพเหตุการณ์เอาไว้ได้ชัดเจนว่าคุณครูคนดังกล่าว อายุประมาณ 50 ปี เศษ มีพฤติกรรมสวดทางกับจิตวิณญาณของการเป็นคุณครู แค่เด็กทำลูกปัดตก 1 เม็ดและวิ่งไปจะเก็บลูกปัดกลับถูกคุณครูใช้ด้ามไม้กวาดทุบตีรุนแรง 3 ครั้ง ยังไม่หนำใจกระชากผ้าพันคอลูกเสื้อที่คอเด็กก่อนเหวี่ยงกระชากอย่างรุนแรงจนเด็กหน้าหงายก่อนล้มกลิ้งลงกับพื้น ซึ่งในขณะที่ก่อเหตุคุณครูคนดังกล่าวได้ส่งเสียงหวีดร้องอย่างหนักเหมือนคนเสียสติ หรือควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ท่ามกลางสายตาของเพื่อนนักเรียนชั้นเดียวกันกว่า 30-40 คน และมีคุณครูอีกคนหนึ่งยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามเห็นเหตุการณ์หมด เมื่อลุกขึ้นก็มีอาการทรงตัวไม่อยู่เซถลาอย่างน่าเอ็นดูสงสาร

ทนายเอก พ่อของหนูน้อย กล่าวว่าหลังจากเกิดเหตุลูกบอกว่าไม่อยากไปโรงเรียนอีกแล้วเพราะกลัวคุณครูคนนี้ เขาเป็นคุณครูประจำชั้นต้องเจอกันตลอดเวลา ตนจึงปลอมประโลมลูกและร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ ผอ.โรงเรียน ในเบื่องบต้น ผอ.สั่งพักการสอนของครูคนดังกล่าว และตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดทางวินัย ลูกของตนจึงยินยอมไปโรงเรียน และตนทราบจากภรรยาว่าเมื่อหลายวันก่อนลูกของตนถูกเพื่อนกลั่นแกล้งและใช้เล็บข่วนหน้าจนเป็นแผลและเลือดไหลซิบ ๆ ทั่วใบหน้า ภรรยาตนจึงแจ้งคุณครูประจำชั้นคนดังกล่าว แต่คุณครูไม่สนใจ เพิกเฉย ภรรยาตนจึงแจ้งให้ท่าน ผอ.ทราบ คาดว่าทาง ผอ.คงเรียกคุณครูมาตำหนิหรือว่ากล่าวตัดเตือน และขอให้ตนและภรรยายุติไม่เอาเรื่องใด ๆ ซึ่งตนก็ยินยอมเพราะรู้ดีว่าเด็กทะเลาะกันเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้ แต่คุณครูทุกคนโดยเฉพาะครูประจำชั้นจะต้องหาทางแก้ปัญหา ปรับความเข้าใจกัน อบรมแนะนำสั่งสอนเด็ก ๆ เพื่อไม่ให้เกิดการทะเลาะกันอีก ไม่ใช่ปล่อยไปเฉย ๆ เรื่องที่ถูก ผอ.เรียกพบตำหนิ ว่ากล่าวตัดเตือนด้วยวาจาอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่คุณครูไม่พอใจลูกตน จนเป็นแรงจูงใจนำมาสู่การก่อเหตุกับลูกตนอย่างโหดร้าย ทารุณ ป่าเถื่อนตามที่ปรากฏในคลิปก็เป็นได้

ทางด้าน ผอ.โรงเยียนที่ตกเป็นข่าว โทรศัพท์ชี้แจงข้อเท็จจริงกับสมาคมสื่อมวลชนจังหงวัดนครศรีธรรมราช ว่า เรื่องนี้ทางโรงเรียนโดยเฉพาะตนในฐานะผู้บริหารไม่ได้นิ่งเฉย ทันทีที่ทราบข่าวและตรวจสอบภาพจากคลิปตนสั่งพักการสอนของคุณครูคนดังกล่าวทันที และตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดทางวินัย และจากการประชุมคุณคณะกรรมการสถานศึกษา สรุปว่านอกจากสั่งพักการสอน และตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยแล้ว ทางโรงเรียนได้เปลี่ยนคุณครูประจำชั้นห้อง ป.1/4 คนใหม่และเปลี่ยนตารางสอนใหม่ และได้รายงานให้ทางเทศบาล นคร นครศรีธรรมราช ต้นสังกัดทราบอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว
“ตนขอให้ผู้ปกครองสบายใจได้ เราองนี้จะไม่มีการเข้าด้วยช่วยเหลือกันอย่างแน่นอน ตนจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา นิ้วไหนร้ายก็ตัดนิ้วนั่นเพื่อรักษาภาพลักษณ์วิชาชีพครูและชื่อเสียงขององค์กร ส่วนการนำเสนอข่าวของสื่อก็นำเสนอบนพื้นฐานของความเป็นจริง ในขณะที่ทาง พม.และมูลนิธิเป็นหนึ่ง จะลงมาตรวจสอบดูแลในเคสนี้ก็พร้อมต้อนรับและให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” ผอ.โรงเรียนกล่าวย้ำ

ไพฑูรย์ อินทศิลา /นครศรีธรรมราช
21 ก.ค.2568