อนุ กมธ.การเงิน การคลัง ถกหนักภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หวั่นส่งผลกระทบผู้ประกอบการ ชาวบ้าน ท่ามกลางเศรษฐกิจเปราะบาง
เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ห้องประชุมกรรมาธิการ N 403 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ สส.พรรคเพื่อไทย จังหวัดศรีสะเกษ ประธานคณะอนุกรรมาธิการการเงิน การคลัง ในคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน สภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงินครั้งที่ 66/2568 โดยมีคณะอนุกรรมาธิการการเงิน การคลัง เข้าร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง นอกจากนี้ยังมีที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการเข้าร่วมประชุมด้วยเช่นกัน ประกอบไปด้วย, นายพฤฒิชัย วิริยะโรจน์ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ นายวิรุณ ชัยลือกิจ เลขานุการคณะอนุกรรมาธิการ นายฐานวัฒน์ วิบูลย์ธนสาร, นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์, นางสาวสิริณัฏฐ์ สูงประสิทธิ์, นายพสธร เพ็ญภักดิ์, นางสาวฐิติยา นุชฉิม, นายสุรจิต บุญยุบล, นายณพล บริบูรณ์, นายพงศ์ภัค มงลคลชัยพาณิชย์, นางสาว นภชนก เหมือนนามอญ และ พ.ต.อ.(พิเศษ) สุเทพ สัตถาผล


สำหรับการประชุมในครั้งนี้ มีวาระที่น่าสนใจคือ มติที่ประชุมคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เนื่องจากผลกระทบจากการประเมินภาษีเกี่ยวกับที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างได้มีผู้ร้องเรียนกันมาอย่างมากมาย ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ทางคณะอนุกรรมาธิการการเงิน การคลัง จึงได้นำเรื่องดังกล่าวมาพิจารณา เพื่อหาทางออกที่ทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรม


นายจิตติพจน์กล่าวว่า เศรษฐกิจของประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาที่เปราะบาง ธุรกิจจำนวนมากอาจจะไม่ได้ประกอบกิจการต่อไป หากการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างคิดไม่ถูกต้อง จะเป็นการซ้ำเติมผู้ประกอบการ และประชาชน อย่างไรก็ตามการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะต้องเป็นธรรม รวมทั้งการจัดเก็บภาษีโรงเรือนด้วย

ภาพ/ข่าว ณพล บริบูรณ์, นภชนก เหมือนนามอญ รายงาน