ข่าวทั่วไทย

Just another WordPress site

ข่าวทั่วไทย

Just another WordPress site

ข่าวทัวไป

กล้องจับภาพชัดลูกชายทาสยานรกคลุ้มคลั่งทำร้ายแม่ขู่ฆ่ายกครัว-แจ้งความต่อเนื่อง 4 ครั้งตำรวจอ้างทำอะไรไม่ได้อ้างไม่ใช่เหตุซึ่งหน้า-หวั่นเกิดเกิดเหตุซ้ำฆ่ายกครัวลูกคลั่งทำร้ายแม่ขู่ฆ่ายกครัวทำลายทรัพย์สิน ลักทรัพย์ ชิงทรัพย์สร้อยทองคำ – ตำรวจมาแปลกแจ้งรับแจ้งความ 4 ครั้งแต่ทำอะไรไม่ได้อ้างไม่ใช่เหตุซึ่งหน้าและลูกทรพีป่วยจิตเวช-แม่และญาติๆ หวั่นซ้ำรอยลูกคลั่งฆ่ายกครัว 3 ศพ อ.เชียรใหญ่เมื่ออาทิตย์ก่อนนี้

(5 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเย็นวานนี้ (4 เม.ย.) เจ้าหน้าที่มูลนิธิเป็นหนึ่งพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่งคงของมนุษย์จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากครอบครัวหนึ่ง ใน อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราชว่า คนในครอบครัวคลุ้มคลั่งทำร้ายแม่ และคนในครอบครัว ขโมยทรัพย์สิน ชิงทรัพย์สินสร้อยคอทำคำ รถ จยย.ในบ้านไปขายและไปจำนำสร้างความเดือดร้อนอย่างหนักและหวาดกลัวว่าคนในบ้านซึ่งเป็นผู้สูงอายุ ผู้หญิงและเด็กจะถูกฆ่ายกครัว ซึ่งที่ผ่านมาเคยแจ้งตำรวจแล้วถึง 4 ครั้งแต่ตำรวจอ้างว่าไม่ได้ทำร้ายร่างกายต่อหน้าตำรวจไม่ใช่เหตุซึ่งหน้า ตำรวจไม่สามารถจับกุมดำเนินคดีได้ ประกอบกับคนที่คลุ้มครั่งน่าจะป่วยจิตเวช ตำรวจทำได้เพียงการควบคุมตัวส่งโรงพยาบาลทุ่งสง ให้แพทย์ตรวจรักษา และไม่กี่วันโรงพยาบาลปล่อยตัวกลับออกมาคลุ้มคลั่งอาละวาดทำร้ายแม่ ทำร้ายคนในบ้านหนักกว่าเดิม จนล่าสุดถึงขั้นข่มขู่ฆ่ายกครัว จึงเดินทางไปตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าวในตำบลปากแพรก เขตเทศบาลเมืองทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช


พบนางหนูนิด (นามสมมุติ) อายุ 54 ปี เล่าเรื่องราวว่าในบ้านอยู่กัน 7 คน ประกอบด้วย ตนและแม่ของตนอายุ 80 ปี,ลูกสาวของตน 2 คน อายุ 35 และ 24 ปี หลานอีก 2 คน อายุ 12 ปี และ 2 ขวบ และลูกชายตนอีก 1 คนซึ่งคนก่อเหตุชื่อนายยักษ์ (นามสมมุติ) อายุ 31 ปี ก่อนหน้านี้เคยถูกจับดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์และอาวุธปืน ติดคุก 4 ปี ก่อนจะพ้นคุกกลับมาอยู่ที่บ้าน ตลอดระยะเวลาอยู่ในบ้านงานการไม่ทำงานทำการใด ๆ และเสพยาเสพติดบางอย่างจนมักจะมีอาหารคลุ้มคลั่งทำร้ายร่างกายตนและคนในบ้านทุกคนบาดเจ็บหนักเบาต่างกันไป และยังก่อเหตุลักทรัพย์สร้อยข้อมือทองคำของหลาน อายุ 2 ขวบไปขาย และลักรถ จยย.ของตนไปจำนำ ล่าสุดชิงสร้อยคอทองคำของตน ซึ่งมีคลิปจับภาพในขณะที่นายยักษ์ ก่อเหตุใช้กำลังชิงสร้อยคอทองคำของตนไปอย่างชัดเจน ซึงที่ผ่านมาในปี 2566 เคยแจ้งตำรวจ 1 ครั้ง ปี 2567 แจ้งความ 1 ครั้งและปี 2568 แจ้งความอีก 2 ครั้งรวมแจ้งความมาแล้ว 4 ครั้ง แต่ตำรวจไม่สามารถจับกุมดำเนินคดีได้เพราะตำรวจอ้างว่าไม่ใช่เหตุซึ่งหน้าและตรวจปัสสาวะไม่พบสารเสพติด อีกทั้งนายยักษ์ น่าจะป่วยจิตเวช ตำรวจไม่สามารถดำเนินคดีใด ๆ ได้
“ก่อนหน้านี้นายยักษ์ยอมรับว่าเสพยาบ้าและเคยเอายาบ้าจำนวน 13 เม็ดมาโชว์ตนด้วย โดยตำรวจอ้างว่าตรวจปัสสาวะไม่พบสารเสพติด และนายยักษ์ ป่วยจิตเวช จึงนำตัวส่งโรงพยาบาลทุ่งสงให้แพทย์ตรวจรักษาไม่กี่วันโรงพยาบาลก็ปล่อยกลับมาที่บ้านอีก และมีอาหารคลุ้มคลั่งอาละวาดทำลายทรัพย์สินในบ้านและทำร้ายคนในครอบครัวหนักกว่าเดิมอีก ตอนนี้ตนและครอบครัวอยู่ด้วยความหวาดผวา ไม่รู้ว่าจะถูกนายยักษ์ ลูกชายคลุ้มคลั่งทำร้ายคนในบ้านเมื่อไหร่อีก ตนและทุกคนหวาดกลัวอย่างหนัก โดยเฉพาะเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ลูกทาสยานรกคลุ้มคลั่งก่อเหตุฆ่าพ่อ แม่และน้องชาย 3 ศพหมกศพคาบ้าน 2 วันในหมู่ 4 ต.การะเกด อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าผู้เสียหายและเจ้าหน้าที่ พม.ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งความและเร่งเสนอขอหมายจับ แต่ทาง ผกก.สภ.ท่งสง ยืนกรานว่าไม่สามารถดำเนินคดีกับนายยักษ์ได้ จึงขอให้ทางแม่และญาติ ๆ นำตัวนายยักษ์ไปรักษาที่ รพ.จิตเวช จ.สุราษฏร์ธานี โยทาง ผกก.จะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายในการว่าจ้างยานพาหนะไปส่งถึง รพ.ใน จ.สุราษฏร์ธานี แต่ทางนางหนูนิด ยืนยันว่าขอให้ตำรวจดำเนินคดีกับนายยักษ์ เพราะหากส่งไปบำบัดรักษาเชื่อว่าปัญหาจะไม่จบสิ้นเพราะไม่กี่วันทาง รพ.ก็คงจะปล่อยตัวกลับมาอีก จะยิ่งสร้างความเดือดร้อนให้คนในครอบครัวหนักกว่าเดิมอีกแน่นอน


ล่าสุดเมื่อเวลา 17.40 น.วานนี้( 4 เม.ย.) นางหนูนิด และคนในบ้าน ได้เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.(หญิง)กาญจนา ธนาวุฒิ พนักงานสอบสวนเวร สภ.ทุ่งสง ให้ดำเนินคดีกับนายยักษ์ ในข้อหาทำร้ายร่างกายและลักทรัพย์ โดยทางพนักงานสอบสวนรับแจ้งความและอยู่ระหว่างตำรวจรวบรวมหลักฐานเสนอศาลทุ่งสงออกหมายจับนายยักษ์ และติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตามนางหนูนิด และคนในบ้านเกรงว่าระหว่างที่รอการสอบสวนสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเสนอขอหมายจับนายยักษ์ อาจจะมีอาการคลุ้มคลั่งทำร้ายนางกหนูนิด แม่บังเกิดเหล้าและคนในบ้านได้ ทางเจ้าหน้าที่ พม. จึงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายยักษ์ ลูกทรพี มาร่วมทำบันทึกข้อตกลงในคำสั่ง “กำหนดมาตรการคุ้มครองหรือบรรเทาทุกข์ชั่วคราว ตามมาตรา 10 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550 “ห้ามมิให้นายยักษ์ ผู้ก่อเหตุกระทำความรุนแรงในครอบครัวเข้าใกล้บุคคลในครอบครัวทุกคนในระยะ 200 ซม. หรือ 2 เมตร และห้ามทำร้ายร่างกายคนในครอบครัวทุกคน หากผู้รับคำสั่งไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้างต้น หรือผ้าฝืนต้องระวะระวาโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือปรับไม่เกิน 3,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 10 วรรคห้า แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550” ซึ่งนายยักษ์ ได้รับทราบและยอมรับในคำสั่งห้ามดังกล่าว โดยคำสั่งตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550 ดังกล่าวสามารถบังคับใช้ได้ชั่วคราวเพียง 48 ชั่วโมง
ในขณะที่เจ้าหน้าที่ พม.แจ้งว่าหากในช่วง 48 ชม. พนักงานสอบสวนยังไม่สามารถเสนอขอหมายจับนายยักษ์ ฯจากศาลจังหวัดทั่งสง ทาง พม. ได้จะนำนางหนูนิด และคนในครอบครัวให้เดินทางไปยื่นร้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัว จังหวัดนครศรีธรรมราช พิจารณาออกคำสั่งศาลคุ้มครองคนในครอบครัวและดำเนินการกับนายยักษ์ อย่างเป็นรูปธรรมอีกครั้งหนึ่ง


ไพฑูรย์ อินทศิลา/นครศรีธรรมราช
5 เม.ย. 2568

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *