ไปให้สุด…นักธุรกิจหนุ่ม ลุย ทต.โพธิ์เสด็จยืนหนังสือเร่งให้รีบบังคับใช้กำหมายกับโรงงานฯค้าข้าวรุกลำเหมืองสาธารณะ
(28 ต.ค.) หลังจากนายพงศ์ปณต อุปลา หรือ “คริสต์” นักธุรกิจหนุ่ม ในด้านอสิงหริมทรัพย์ ทั้งในและต่างประเทศ ผู้ร้องกรณีการอุญาติให้ก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมค้าข้าว ในพื้นที่ ต.โพธิ์เสด็จ ซึ่งผังเมืองโซนสีเขียว และการขออนุญาติถมที่ การก่อสร้างอาคาร ไม่ถูกต้องครบถ้วนขัดข้อกฎหมาย และยังมีการถมลำเหมืองสาธารณะนำพื้นที่มาใช้ประโยชน์ในบริษัทตัวเอง จนทางคณะกรรมาธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎรฯ นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงตรวจสอบพื้นที่จริงเมื่อวานนี้ (27 ต.ค.) พร้อมประชุมชี้แจงรายละเอียดและแนวทางการแก้ปัญหา หรือดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ที่ห้องประชุมชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีนายสมชาย ลีหล้าน้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช นำหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมชี้แจง และกำหนดมาตรการดำเดินการบังคับใช้กฎหมาย


โดยในวันที่ 28 ต.ค.2568 นายพงศ์ปณต อุปลา หรือ “คริสต์” ผู้ร้องได้เดินทางเข้าพบนายนัฐพากษ์ ไกรนุกูล นายกเทศมนตรีตำบลโพธิ์เสด็จ เพื่อยื่นหนังสือแจ้งให้เทศบาลทราบถึงการดำเนินการของผู้ร้อง นอกจากโรงเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและกรรมาธิการที่ดิน ฯสภาผู้แทนราษฏรแล้ว ยังได้ยืนฟ้องศาลปกครอง และ ป.ป.ช.แล้วเช่นกัน โดยมีการแนบเอกสารข้อมูลข่าวสารของเทศบาลโพธิ์เสด็จ ลงวันที่ 6 ต.ค.2568 มาด้วย และมีนายปิยะ พจน์จำเนียร รองนายกเทศมนตรี ฯร่วมต้อนรับและรับหนังสือดังกล่าว



นายพงศ์ปณต อุปลา หรือ “คริสต์”กล่าวว่าทางเทศบาลโพธิ์เสด็จ มีอำนาจเต็มในการดำเนินการตามกฎหมาย โดยไม่ต้องรอเอกสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใด ๆ เพราะทุกฝ่ายลงพื้นที่ตรวจสอบพบความผิดชัดเจน เช่น ลำเหมือง ทางเจ้าพนักงานที่ดินได้กำหนดมาร์กจุดลำเหมืองให้ชัดเจนแล้ว และร่วมประชุมกับคณะกรรมาธิการที่ดิน ฯ ทั้งนี้เพราะหากดำเนินการล่าช้าจนเลยระยะเวลา 30 วันที่ทางศาลปกครองและ ป.ป.ช.ลงตรวจสอบและพบว่าทางเทศบาล ฯยังไม่ได้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย อาจจะทำให้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่เทศบาล ฯที่เกี่ยวข้องเข้าข่ายกระทำความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ (ม.157) ไปด้วย ทั้ง ๆ การกระทำผิดเกิดขึ้นมาตั้งแต่ในอดีตกว่า 10 ปีแล้วไม่ได้เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้

“ตนอยากให้เร่งดำเนินการทันที โดยเฉพาะการเปิดร่องลำเหมืองคืนพื้นที่ระบายน้ำให้สามารถระบายน้ำได้โดยเร็ว ก่อนที่ฝนจะตกหนักและเอ่อท่วมหนักสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่มีบ้านเรือนอยู่ด้านทิศตะวันตกของโรงงานอย่างน้อย 22 ครัวเรือน โดยช่วงนี้ในพื้นที่เริ่มมีฝนตกหนักลงมามากขึ้นเรื่อย ๆ หากล่าช้าจะไม่ทันการ ประชาชนถูกดทอดทิ้ง ไม่ได้รับการเหลียวแล แก้ไขปัญหา มายาวนานต้องทนทุกข์ทรมารมานานกว่า 10 ปีแล้ว” นายพงศ์ปณต กล่าว

ไพฑูรย์ อินทศิลา /คนข่าวตัวดำ
28 ต.ค. 2568