ข่าวทั่วไทย

Just another WordPress site

ข่าวทั่วไทย

Just another WordPress site

ข่าวทัวไป

ไม่ถึง“ปาราชิก”.!!สาวร้องเจ้าอาวาสวัดดังเมืองคอนปรากฏตัว-บุกพบสื่อและพระวินยาธิการเปิดโปงละเอียดยิบแต่ไม่เสพเมถุนยังไม่ถึง “ปาราชิก”

จากกรณีที่มีหญิงสาวส่งภาพหญิงสาวอยู่ในห้องกับพระภิกษุวัยชรา อายุ เกือบ 80 ปี เจ้าอาวาสวัดดังวัดหนึ่งใน อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ร้องเรียนสื่อมวลชนและคณะสงฆ์ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง จนทางคณะสงฆ์แต่งตั้งคณะกรรมการประกอบด้วย เจ้าคณะอำเภอร่อนพิบูลย์ เจ้าคณะตำบล พระวินยาธิการ และ ผอ.สำนักพุทธศาสนาจังหวัดนครศรีธรรมราช ตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากไม่สามารถติดตามตัวผู้หญิงที่เป็นคนถ่ายภาพและร้องเรียนได้ สอบได้แต่เพียงเจ้าอาวาสผู้ต้องวกล่าวหาฝ่ายเดียว พร้อมพิจารณาจากรูปภาพ จนมีการสรุปผลการสอบเบื้องต้นว่าเป็นการการวางแผนของผู้หญิง 2 คนเพื่อแบล็กเมย์เรียกเงินเจ้าอาวาส และจากภาพเป็นความผิดเล็กน้อยเท่านั้น
(10 ก.ค.) น.ส.กิ่ง (นามสมมุติ) อายุ 27 ปี หญิงสาวคนถ่ายภาพและเป็นผู้ร้องในเรื่องดังกล่าว ซึ่งเดิมมีภูมิลำเนาอยู่ข้างวัดดังกล่าว ในท้องที่ อ.ร่อพิบูลย์ แต่ในปัจจุบันไปมีครอบครัวที่ จ.สตูล และกำลับตั้งครรภ์ 6 เดือน พร้อมสามีได้เดินทางจาก จ.สตูล เข้าพบผู้สื่อข่าว จ.นครศรีธรรมราช เพื่อเล่าความจริงของเรื่องราวทั้งหมดอย่างละเอียด พร้อมให้ช่วยพาไปพบคณะสงฆ์หรือคณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งให้สอบสวนข้อเท็จจริง
ผู้สื่อข่าวจึงนำ น.ส.กิ่ง เดินทางไปพบพระครูสมุห์พิศิษฐ์ อานาลโย เจ้าอาวาสวุดคงคาเลียบ ต.ท่าซัก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพระวินยาธิการ 1 ในคณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งจากคณะสงฆ์ อ.ร่อนพิบูลย์ ให้สอบสวนเรื่องดังกล่าว โดยตลอดระยะเวลาของการสอบสวนพระครูสมุห์พิศิษฐ์ ได้บันทึกวีดีโอไว้เป็นหลักฐานตั้งแต่ต้นจนจบ และมีผู้สื่อข่าวหลายสังกัดรวมบันทึกภาพทำข่าวแปพร้อม ๆ กันด้วย


น.ส.กิ่ง เล่าว่าตนเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่แยกทางกัน อาศัยอยู่กับยายและอยู่ข้างวัดดังกล่าวมาตั้งแต่เด็ก ๆ และพบเห็นรู้จักกับเจ้าอาวาสเป็นอย่างดี จนต่อมาในช่วงที่ตนอายุ 20 ปีเศษเริ่มมีการวิพากวิจารณ์ของชาวบ้านเกี่ยวกับพฤติกรรมไม่เหมาะของเจ้าอาวาสเกี่ยวกับผู้หญิงเข้าไปหาในห้องภายในโรงธรรมกลางวัด ซึ่งเจ้าอาวาสใช้กุฏิพำนักมาตลอด ต่อมาได้พบเห็นพฤติกรรมของ น.ส.ฟิวส์ ซึ่งเป็นญาติลูกพี่ลูกน้องกับตนแต่ครอบครัวมีเรื่องบาดหมางไม่ถูกกัน และตนพบเห็น น.ส.ฟิวส์ เข้าไปในห้องหรือกุฏิของเจ้าอาวาสบ่อยครั้ง ท่ามกลางความสงสัยของตนและชาวบ้านพากันวิพากวิจารณ์หนาหูมากยิ่งขึ้น
จนวันหนึ่งเมื่อประมาณ 4 ปีก่อนตนตัดสินใจสะกดรอยตาม น.ส.ฟิวส์ ที่เดินเข้าไปในกุฏิเจ้าอาวาส และแอบข่างตนปาล์มถ่ายภาพเก็บไว้เป็นหลักฐาน ประกอบด้วยภาพที่ น.ส.ฟิวส์ ไปนั่งรอที่แผงร้านค้าหน้าวัด ภาพที่เดินเข้าไปในศาลาโรงธรรมที่เจข้าอาวาสพำนักอยู่ และภาพที่ น.ส.ฟิวส์ นั่งบนเตียงโดยเจ้าอาวาสนอนอยู่ และภาพที่ น.ส.ฟิวส์ และเจ้าอาวาสนอนกอดก่าย เข่าเกยกันนัวเนีย แต่ยอมรับว่าไม่มีการเสพเมถุนกัน ในคตวามคิดของตนคิดว่าภาพในลักษณะนี้ แค่นี้ก็สามารถที่จะใช้เป็นหลักฐานสึกพระเจ้าอาวาสได้แล้ว หลังจากนั้น น.ส.กาฟิวส์ ก็เกดินกลับออกไป ตนจึงเข้าไปสอบถามเจ้าอาวาสถึงการกระทำที่ไม่เหมาะสม ตอนแรกเจ้าอาวาสปฏิเสธแต่เมื่อตนให้ดูภาพที่ถ่ายไว้ เจ้าอาวาสจึงให้เงินตน 1,000 บาทเพื่อไม่ให้นำภาพไปเผยแพร่หรือร้องเรียน แต่ตนไม่รับ และพูดหยาบคายกับเจ้าอาวาสว่า “ขอให้สึกจากพระ หากต้องการเสพเมถุนกับผู้หญิงก็ให้สึกออกมาเป็นฆราวาส”จะไม่มีใครว่า แต่หากเป็นพระมันไม่ดี ทำให้ศาสนาเสื่อมเสีย


หลังจากวันนั้นตนก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวภายในวัดมากนัก แต่พยายามโทรศัพท์หลายครั้งเพื่อเร่งเร้าให้เจ้าอาวาสสึกจากพระ ซึ่งเจ้าอาวาสบอกว่าไม่ได้เสพเมถุน แค่กอดและขย้ำนม น.ส.ฟิวส์ เท่านั้น “กูแก่มากแล้วสึกไปก็ไม่รู้จะทำมาหากินอะไร และจะขออยู่ในผ้าเหลือต่อไป กูอยากตายในผ้าเหลือง” ก่อนที่เจ้าอาวาสจะเสนอให้เงินตนเดือนละ 5,000 บาทและโอนให้ต่อเนื่อง 2 เดือน และต่อมาเจ้าอาวาสบอกว่าสงสารตนไม่มีพ่อแม่ อยู่อย่างยากลำบากขอรับตนเป็นบุตรบุญธรรมส่งเสียและดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายให้ทุกเดือน ๆ ละ 5,000 บาท และจะโอนมาให้ตนทุกเดือนต่อเนื่องเกือบ 4 ปี รวมเป็นเงินประมาณ 2 แสนบาทเศษ โอนเดือนล่าสุดวันที่ 27 มิ.ย.2568 แต่ตนก็ยังได้ข่าวเรื่องหญิงสาวคนอื่น ๆ เข้าไปหาเจ้าอาวาสเหมือนเดิม ตนจึงขอให้เจ้าอาวาสสึกจากพระ แม้จะเป็นพ่อบุญธรรม มีพระคุณแต่รับไม่ได้กับพฤติกรรมเสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนา
น.ส.กิ่ง กล่าวอีกว่า ตนเคยนำเรื่องไปบอกกับคณะสงฆ์ 2-3 ครั้ง แต่เรื่องก็ผู้เงียบหาย ในขณะที่เจ้าอาสวาสจะพูดย้ำว่าเรื่องภาพที่ตนแอบถ่ายทำอะไรเจ้าอาวาสไม่ได้หรอก ตนจึงเชื่อว่าไม่มีใครจับสึกหรือทำอะไรเจ้าอาวาสได้จริง ๆ เมื่อมีข่าวการจับพระสงฆ์ที่มั่วสีกาถูกนำเสนอทางสื่อมวลชนต่อเนื่อง ตนคิดว่าน่าจะเป็นช่องทางที่จะสึกเจ้าอาวาสรายนี้ได้ จึงร้องเรียนสื่อมวลชนและสื่อมวลชนนำเรื่องไปแจ้งพระครูสมุห์พิศิษฐ์ พระวินยาธิการ แต่เรื่องก็ล่าช้าและผลสรุปล่าสุดว่าตนและ น.ส.ฟิวส์ รวมกันวางแผนแบล็กเมย์เรียกเงินจากเจ้าอาวาส ตนรับไม่ได้จึงติดต่อเดินทางมาพบสื่อมวลชนและพระครูพิศิษฐ์ พระวินยาธิการ ที่วัดคงคาเลียบเพื่อเล่าเรื่องรายข้อเท็จจริงทั้งหมดให้ทราบดังกล่าว
ทางด้านพระครูสมุห์พิศิษฐ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ได้มีการสอบสวนและสรุปเบื้องต้นไปแล้ว ซึงยอมรับว่าเป็นการสอบปากคำเจ้าอาวาสฝ่ายเดียว โดยมีภาพถ่าย 4-5 ภาพประกอบ ในขณะที่ผู้ต้องและหญิงสาวอีกคนไม่สามารถตามหาตัวมาให้ปากคำได้ ทั้งที่ตอนแรกผู้ร้องยืนยันว่าจะมาพบคณะกรรมการสอบสวน แต่ก็เกิดเบี้ยวนัด ลบโพสต์ ลบเพซบุ๊ค ไม่สามารถติดต่อได้กระทันหัน ทางคณะกรรมการเห็นว่าผู้ร้องมีข้อพิรุธไม่น้อยไม่ไม่ยอมมาพบ จึงทำการสอบสวนปากคำเจ้าอาวาสฝ่ายเดียว และเจ้าอาวาสได้แก้ข้อกล่าวหาว่าถูก 2 สาววางแผน แบล็กเมย์เรียกเงินเจ้าอาวาส ทางคณะกรรมการ จึงสรุปว่าเจ้าอาวาสอาจมีความผิดเล็กน้อยเท่านั้นจะไปสึกท่านไม่ได้


แต่เมื่อ น.ส.กิ่ง ผู้ร้องและคนถ่ายภาพมาปรากฏตัวคัดค้านหรืออุทธรณ์ผลการสอบสวน โดยให้ปากคำอย่างละเอียด อาตมาจะนำวีดีโอที่บันทึกไปเสนอต่อคณะกรรมการและเชิญเจ้าอาวาสมาสอบสวนอีกครั้งในเบื้องต้นอาตมาได้อธิบายชี้แจงให้ น.ส.กิ่ง และสื่อมวลชนทราบว่าพยานหลักฐานคำให้การของ น.ส.กิ่ง ยืนยีนว่าไม่ได้มีการเสพเมถุน แต่มีการนอนกอดก่ายกัน และอยู่ในห้องนานประมาณ 5 นาที จึงไม่สามารถปรับอาบัติปาราชิกเจ้าอาวาสได้ เพราะเป็นอาบัติไม่หนักไม่ถึงกับปาราชิก และจะเสนอขอให้เจ้าอาวาสลาออกจากเจ้าอาวาส และยินยอมออกจากวัดไปพำนักวัดอื่น ๆ โดย น.ส.กิ่ง ก็เข้าใจและพอใจกับข้อเสนอนี้และจะไม่ติดใจใด ๆ อีก อาตมาขอเวลา 1 เดือนจะดำเนินการตามขั้นตอนให้แล้วเสร็จ และจะขอให้เจ้าอาวาสยุติการแจ้งความฟ้องร้องดำเนินคดีกับ น.ส.กิ่ง ต่อไปขอให้เรื่องนี้ยุติแค่นี้ แต่หาก น.ส.กิ่ง มีพยานหลักฐานเพิ่มเติมที่บ่งบอกชัด เจนถึงการเสพเมถุน ผิดร้ายแรงอื่น ๆ มีอาบัติถึงขั้นปาราชิกก็สามารถร้องกล่าวหาเจ้าอาวาสได้อีก และหากมีพยานหลักฐานปรากฏชัดทางคณะสงฆ์ก็จะดำเนินการตามวินัยสงฆ์ปรับอาบัติปาราชิกหรือจับสึกจากพระได้
พระครูสมุห์พระศิษฐ์ กล่าวอีกว่า การที่ น.ส.กิ่ง หรือชาวพุทธชวยกันสอดส่องดูแลพฤติกรรมของพระสงฆ์ถือเป็นเรื่องที่ดี อาตมาอยากจะวิงวอนขอร้องว่าแค่มีข้อมูลเล็กน้อย หรือแค่ เขาว่า ก็มีการนำเสนอข่าวอย่างครึกโครมส่งผลกระทบจ่อพระศาสนาไม่น้อย แต่หากมีพยานหลักฐานแน่นหนา เช่นกรณีของเจ้าคุณหลายรูปที่ยอมสึก ถูกจับสึก ตามที่เป็นข่าวฉาวโฉ่อยู่ในขณะนี้ขอให้เปิดโปงออกมาเลย เป็นเรื่องดีที่ชาวพุทธช่วยกันดูแลปกป้องพระพุทธศาสนา และอยากให้ร้องเรียนผ่านคณะสงฆ์ โดยทางเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้สั่งกำชับในเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด หากพระสงฆ์มีประพฤติกรรมไม่เหมาะสม หรือหรือกระทำผิด จะต้องดำเนินการเอาผิดทางวินัยตามขั้นตอนอย่างเด็ดขาด ส่วนที่อ้างว่ากลัวคณะสงฆ์ปกป้องช่วยเหลือกันนั้นไม่เป็นความจริง จะเห็นได้ว่าหากมีพยานหลักฐานชัดเจนแน่นหนา ระดับท่านเจ้าคุณหลายรูปก็อยู่ไม่ได้ต้องสึกหรือถูกจับสึกโดยไม่ละเว้น พระครูสมุห์พระศิษฐ์ กล่าวย้ำในที่สุด


ไพฑูรย์ อินทศิลา/นครศรีธรรมราช
10 ก.ค.2568

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *