ผัวเมืองคอน เปิดใจสุดซ้ำเมียแอบเล่นชู้เจ้าอาวาส-แฉกุเรื่องกล่าวหาใส่ร้ายผัวเพื่อเรียกความสงสารหวังดูดเงินเจ้าอาวาส
จากกรณีชาวบ้านใน อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ได้ร้องเรียน “คนข่าวตัวดำ” นายไพฑูรย์ อินทศิลา ประธานชมรมนักข่าวจังหวัดนครศรีธรรมราช ขอให้ช่วยกำจัดอลัชชีที่ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดดังแห่งหนึ่ง อายุประมาณ 60 ปีเศษ ที่แอบเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน โดยมีการแชตข้อความสุดสยิวถึงกันแสดงถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้ง อาทิ “พี่กลัวน้องไม่ทำให้พี่ ฝ่ายผู้หญิงตอบว่า ทำสิ อยากอยู่ น้องจะทำให้พี่เสียว ใครเสร็จก่อนหรือหลังได้ทั้งกันนั้น ใครก่อนก็ ได้นะพี่ ขอให้มีความสุข ขอให้เสียวกันทั้งสองคน” และฝ่ายหญิงจะเรียกเจ้าอาวาสว่า “คุณสามี” จนทาง “นายหัวรณ” สามีของผู้หญิงและญาติ ๆ สุดจะทนไหวไล่ตะเพิดเมียรักออกจากบ้านและเลิกรากันอย่างเป็นทางการ ในขณะที่เจ้าอาวาสวัดทุ่งคุ่ม หมู่ 7 ต.นางหลง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ที่ตกเป็นข่าวฉาว ได้หลบหนีออกจากวัด จนต่อมาทราบว่าทราบข่าวว่าไปยอมรับความผิดกับคณะสงฆ์สึกจากพระไปเรียบร้อยแล้ว ตามที่เป็นข่าวมาแล้วนั้น
(19 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายในวัดทุ่งคุ่ม เป็นไปด้วยความเงียบเหงาโดยพบว่าประตูกุฏิอดีตเจ้าอาวาสล็อคกุญแจแน่นหา ภายในวัดมีชาวบ้าน 7-8 คนพร้อมพระลูกวัดจับกลุ่มพูดคุยวิพากวิพากวิจารณ์ ซึ่งทางคณะกรรมการวัดเตรียมประชุมหารือถึงทิศทางในการดูแล พัฒนาวัด ในขณะที่คณะสงฆ์ให้เจ้าคณะตำบลเข้ามารักษาการเจ้าอาวาสวัดทุ่งคุ่ม ต่อไป
ในวันเดียวกันนี้ “นายหัวรณ” และญาติ เข้าพบ “คนข่าวตัวดำ” ให้ช่วยนำเสนอข่าวเพิ่มเติมเนื่องจากตัวเองได้รับผลกระทบจากการนำเสนอข่าวในสังกัดอื่น ๆ ที่นำไปขยายผลเสนอข่าวบิดเบี้ยว ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการขยี้ข้อความแชตที่อดีตเมียของตนพูดคุยกับเจ้าอาวาสในทำนองว่า “ตนไม่เลี้ยงดู ไม่ให้เงินใช้ ทำร้ายร่างกาย และตนมีผู้หญิงคนใหม่ จนคนในสังคมเข้าใจผิดคิดว่าตนมีพฤติกรรมเลวร้านแบบนั้นและเป็นต้นตอที่ทำให้เมียจำใจไปเป็นชู้กับเจ้าอาวาส

ข้อความดังกล่าวเป็นข้อความที่อดีตเมียผมเขายอมรับว่าเป็นข้อความพยายามอ้างเรื่องราวเหตุผลเพื่อให้เจ้าอาวาสเอ็นดู สงสารและช่วยเหลือโอนเงินให้ ซึ่งก็ไม่ได้มากมายครั้งละ 200-500 บาทเท่านั้น และตนไม่เคยมีผู้หญิงอื่นตามข้อความที่อดีตเมียแชตอ้างว่าตนมีผู้หญิงใหม่ จบการศึกษา ป.โท อายุน้อยกว่าเขา ซึ่งไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย ตนอายุ 60 ปีแล้วจะไปมีเมียเด็ก จบปริญญาโทได้อย่างๆไร ซึ่งก่อนขอให้ “คนข่าวตัวดำ” นำเสนอข่าวตนและญาติ ๆ ได้มีการพูดคุยสอบถามจากเมียรักของตนอย่างละเอียด และชาวบ้านทราบจับกลุ่มวิพากวิจารณ์กว้างขวางมากขึ้นเรื่อย ๆ จนตน ๆ ต้องบอกเลิกและไล่เมียออกจากบ้าน และคาดหวังว่าเจ้าอาวาสจะรู้สึกละอายใจยอมสึกออกไปเอง และตนและชาวบ้านรอมา 4- 5 วันจนแน่ใจว่าเจ้าอาวาสไม่ยอมสึกแน่นอนแล้ว จึงตัดสินใจร้องเรียนให้ “คนข่าวตัวดำ”ช่วยนำเสนอข่าวกดดันจนยอมสึกทันที

“ส่วนสาเหตุจริง ๆ เพราะเมียตนแอบเล่นการพนันออนไลน์โดยที่ตนไม่ทราบ จนมีปัญหาด้านการเงิน มีหนี้สินจากการพนันออนไลน์ จึงต้องไปหยิบยืมเงินนอกระบบมาจ่ายให้ไอ้โม่งเจ้าหนี้ที่ตามเก็บเงิน ตนเชื่อว่าอดีตเมียตนกับเจ้าอาวาสอาจจะมีความสัมพันธ์กันไม่ถึงขั้นเสพเมถุน แต่ก็เป็นสิ่งที่เหมาะสมและเข้าข่ายจะเอาผิดและสึกจากความเป็นพระได้แล้ว โดย “คนข่าวตัวดำ” และสื่อมวลชน รวมทั้งคณะสงฆ์ทำถูกต้องแล้ว จะปล่อยให้เจ้าอาวาสหรือพระที่มีพฤติกรรมแบบนี้อยู่ในผ้าเหลืองในผู้คนกราบไหว้บูชาต่อไปได้อย่างไร”
นายหัวรณ กล่าวอีกว่า ตนอยากจะฝากไปถึงชาวพุทธทุกคน ให้มีสติในการนับถือพระ หรือเข้าวัดทำบุญ อย่ายึดติดกับเจ้าอาวาสหรือตัวบุคคล และให้ช่วยกันสอดส่องดูแลพระที่มีพฤติกรรมมาเหมาะสม เพื่อร่วมกันปกป้องพระศาสนา โดยบอกกล่าวหรือร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเชื่อถือได้ว่าเขาจะดำเนินการอย่างจริงจัง โดยเฉพาะ”คนข่าวตัวดำ”และสื่อมวลชน ที่จะช่วยให้อลัชชีสึกพ้นจากความเป็นพระได้
“ยอมรับว่ารู้สึกเห็นใจอดีตเมียของตนเหมือนกัน ที่หลังจากนี้จะต้องใช้ชีวิตและทนรับกับการกระทำผิดพลาด ซึ่งก็ต้องรับวิบากกรรมที่ตัวเองก่อขึ้น ส่วนตนจะกลับมาคืนดีนอยู่กินฉันสามีภรรยากันอีกหรือไม่ คงยากเพราะผู้ชายไม่มีใครรับเรื่องแบบนี้ได้ ประกอบกับกระแสข่าวเรื่องพระเสพเมถุน พระกระทำผิดวินัยสงฆ์ร้ายแรง จนต้องทยอยสึกไปแล้วเกือบ 20 รูปตอนนี้มันรุนแรงมาก ๆ. “นายหัวรณ กล่าว

ไพฑูรย์ อินทศิลา /นครศรีธรรมราช
19 ก.ค.2568