ข่าวทั่วไทย

Just another WordPress site

ข่าวทั่วไทย

Just another WordPress site

ข่าวทัวไป

ดับเครื่องชน.!! “ทิศแมน” อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเรียงแจ้งความดำเนินคดีพระผู้ใหญ่อดีตเจ้าอาวาสหลังโดนจับสึกแต่ทรัพย์สินมีค่าสูญหาย-เตรียมแจ้งความซ้ำขบวนการทุจริตโกงเงินวัด

(5ก.ย.) อดีตพระปรัชญชัย หรือ “ทิศแมน” อดีตรักษาการเจ้าอาวาสวัดสระเรียง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับ พ.ต.ท.สุริยน แกมทอง สว.สอบสวน สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ในฐานะผู้เสียหายในคดีลักทรัพย์ หลังแจ้งความให้ดำเนินคดีกับพระผู้ใหญ่อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเรียง พร้อมพระวินยาธิการและเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมประมาณ 20 คน ในข้อหาลักทรัพย์ เหตุเกิดเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 26 ส.ค.2568 ที่ผ่านมา ณ.กุฏิรักษาการเจ้าอาวาสวัดสระเรียง
อดีตพระปรัชญชัย หรือทิศแมน กล่าวว่า ในคืนเกิดเหตุซึ่งตนยังดำรงตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาสวัดสระเรียง และนั่งทำงานอยู่ในกุฏิชั้น 2 ได้มีพระผู้ใหญ่อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเรียง ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดชื่อดังกลางเมืองนครศรีธรรมราชวัดหนึ่ง พร้อมพระวินยาธิการและเจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พ.ต.ท.นรากร เอียดช่วย รอง ผกก.ป.สภ.ท่าศาลา ช่วยราชการ สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้ทางเข้าไปเคาะประตูกุฏิชั้นล่างอย่างหนักหน่วงและรุนแรงเป็นเวลานาน ตนจึงเปิดม่านดูและพูดคุยกับพระผู้ใหญ่อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเรียง ท่านบอกว่าจะมาขอความร่วมมือบางอย่าง ตนจึงลงมาชั้นล่างเปิดประตูกระจกให้เข้าไป แต่ทันทีที่ตนเปิดประตู พระผู้ใหญ่พร้อมพระวินยาธิการและเจ้าหน้าที่ทั้งหมดก็กรูกันเข้าไปบังคับให้ตนนั่งลง จากนั้นพระผู้ใหญ่และพระวินยาธิการได้เข้ามาพูดจาข่มขู่ กดดันและบังคับให้ตนมอบเอกสารหลักฐานสเตทเม้นท์ ธนาคารกรุงไทย สาขาศาลากลางจังหงัดนครศรีธรรมราช ซึ่งตนไปขอมาเพื่อตรวจสอบการทุจริตเงินบัญชีวัดสระเรียง เนื่องจากที่ผ่านมากนับ 10 ปีพระผู้ใหญ่อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเรียงพ้นตำแหน่งไปแล้ว และเปลี่ยนเจ้าอาวาสหรือรักษาการเจ้าอาวาสมาแล้ว 3-4 รูป แต่พระผู้ใหญ่อดีตเจ้าอาวาสไม่เคยมอบบัญชีให้เจ้าอาวาสหรือรักษาการเจ้าอาวาสรูปใหม่ และยังมีอำนาจเซ็นเบิกถอนบัญชีวัดเหมือนเดิม เมื่อตนมาดำรงตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาสเห็นความผิดปกติ จึงพยายามที่จะตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลและน่าเชื่อว่าจะมีการทุจริตยักยอกเงินจากบัญชีวัดสระเรียงตนจึงได้ไปขอสเตทเม้นท์บัญชีวัดสระเรียงมาตรวจสอบ จนพระผู้ใหญ่อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเรียงทราบเรื่อง และแสดงความไม่พอใจ โกรธแค้นตนเป็นอย่างมาก


อย่างไรก็ตามตนอ้างว่าไม่มีขอสเตทเม้นท์ธนาคารที่พระผู้ใหญ่ต้องการ พระผู้ใหญ่จึงขอให้ตนเซ็นใบลาออกจากรักษาการเจ้าอาวาส โดยข่มขู่ว่าหากไม่ยอมลาออกจะไม่สามารถออกจากห้องนี้ได้ แต่ตนยังยืนยันไม่ยินยอมลาออกจากตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาส ทางพระผู้ใหญ่จึงเปลี่ยนมาบอกว่าหากไม่ลาออกจากตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาส ขอให้ตนสึกพ้นจากความเป็นพระไปเลย โดยอ้างว่ามีคลิปซึ่งได้มาจากนักข่าวเป็นหลักฐานที่ตนเสพเมถุนกับสีกาสาวคนหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ตนจึงขอให้นำคลิปมาให้มาเปิดให้ตนและทุกคนดูๆได้เลย หรือจะให้นักข่าวนำเสนอข่าวไปได้เลยก็ได้ แต่พระผู้ใหญ่กลับไม่ยอมให้ดูหรือตรวจสอบคลิป และพยายามเจรจาต่อรองให้ตนนำเอกสารหลักฐานขอสเตทเม้นท์บัญชีวัดสระเรียงมามอบให้ แต่ตนยืนกรานว่าไม่มีหลักฐานดังกล่าว หลังจากบีบบังคับข่มขู่ กดดันอยู่นานประมาณ 2 ชม.พระผู้ใหญ่ได้นำชุดขาวมาให้ตนสวมใส่แทนวีจร ตนประเมินสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจเพราะอยู่คนเดียว โดยจึงตัดสินใจโทรหาเพื่อนที่เป็นเจ้าอาวาสวัดเสมาเมืองให้มาเป็นพยาน ก่อนจะยินยอมเปลี่ยนมาสวมชุดขาวแต่ไม่ยอมเปล่งวาจาขอสาลิกขา จากนั้นพระผู้ใหญ่ได้ยึดกุญแจกุฏิตนไปทั้งหมดทั้งห้องนอนชั้น 2 และห้องโถงชั้นล่าง จากนั้นพระผู้ใหญ่ พระวินยาธิการและเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่งได้กรูกันขึ้นไปตรวจค้นภายในห้องนอนชั้น 2 ของตนโดยไม่ยอมให้ตนตามขึ้นไปด้วย
อดีตพระปรัชญชัย หรือทิศแมน กล่าวอีกว่า หลังจากเสร็จสิ้นการบุกขึ้นไปตรวจค้นห้องนอนของตนเป็นเวลานานกว่า 15 นาทีทั้งหมดก็กลับลงมา และแยกย้ายกันออกจากวัดไป โดยพระผู้ใหญ่ได้นำตนไปยังวัดที่เขาเป็นเจ้าอาวาสอยู่ และพยายามเกลี้ยกล่อมให้ตนนำเอกสารหลักฐานขอสเตทเม้นท์ธนาคารมาให้แต่ตนก็ยังยืนยันว่าไม่มีหลักฐานขอสเตทเม้นท์ธนาคารที่ท่านต้องการ ในที่สุดพระผู้ใหญ่ก็ขึ้นไปจำวัดและให้ตนนอนในห้องดังกล่าวโดยมีการปิดล็อคกุญแจไว้ จนกระทั้งเวลาประมาณ 05.00 น.วันที่ 27 ส.ค.2568 มีพระเจ้าหน้าที่ของวัดมาไขกุญแจเพื่อให้พระภิกษุสามเณรออกไปบิณฑบาต ตนจึงฉวยโอกาสหลบหนีออกจากวัดดังกล่าวและเดินไปถึงวัดเสมาเมือง ขอให้คนขับรถไปส่งที่วัดอีกแห่งหนึ่งในตำบลท่าไร่ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ก่อนที่ตนจะหลบหนีต่อไปยัง จ.พัทลุง และแอบกลับมาอยู่ในตัวเมืองนครศรีธรรมราชอย่างเงียบ ๆ


ต่อมาวันที่ 2 ก.ย. 2568 ตนได้ติดต่อพระผู้ใหญ่รูปดังกล่าว และเจ้าคณะตำบล พร้อมขอกำลังตำรวจจาก พ.ต.อ.กิตติชัย ไกรนรา ผกก.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ช่วยไปเป็นพยานในการเข้าไปขนข้าวของส่วนตัวในกุฏิ โดยตนได้แจ้งให้ ร.ต.อ.มงคล ภูริวัฒนา รอง สวป. หัวหน้าสายตรวจทราบว่าทรัพย์สินมีค่าของตนหายไปจำนวนหนึ่ง ประกอบด้วยโน๊คบุ๊ค 2 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และพระเครื่องอีกจำนวนมาก แต่ต่อมาตนทราบว่าพระผู้ใหญ่ได้นำโน๊คบุ๊ค โทรศัพท์มือถือ และพระเครื่องจำนวนหนึ่งไปให้ตนที่วัดใน ต.ท่าไร่ อ.เมือง ตนจึงไปนำกลับมาตรวจสอบ พบว่าพระเครื่องราคาแพงหลายองค์หายไปนับ 10 องค์ประเมินค่าไม่ได้ เหลือแต่พระใหม่ ๆ ที่ไม่มีราคา จึงเชื่อว่าผู้ที่ขึ้นไปตรวจค้นภายในกุฏิของตนในคืนวันที่ 26 ส.ค. 2568 หรือคนที่ถือกุญแจกุฏิตนไว้ในระหว่างคืนวันที่ 26 ส.ค. จนถึงวันที่ตนไปเก็บข้าวของในวันที่ 2 ก.ย. 2568 รวมระยะเวลา 7-8 วัน เป็นผู้หยิบฉวยหรือขโมยเอาพระเครื่องของตนไป จึงตัดสินใจมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อสืบสวนสอบสวนจับกุมหัวขโมยมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ตนยอมรับและไม่ติดใจเรื่องการสึกจากพระ แต่ยืนยันว่าจะตรวจสอบการทุจริตยักยอกเงินวัดสระเรียงรวมมั้งเงินมูลนิธิ ฯและโรงเรียนสามัญปริยัติธรรมให้กระจ่างตนจะเดินหน้าเข้ายืนหนังสือพร้อมเอกสารหลักฐานเบื้องต้นกับสำนักพระพุทธศาสนา มหาเถระสมาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดและแจ้งความดำเนินคดีกับขบวนการทุจริตโกงเงินวัดสระเรียงที่ทำกันมามาร่วม 10 ปีจนถึงที่สุด ซึ่งเท่าที่ตนตรวจสอบในระยะเวลา 9 เดือน พบการเบิกถอนเงินจากบัญชีวัดมีพิรุธชัดเจนและเงินหายไปรวม 510,546.21 บาท ส่วนใหญ่จะเบิกโอนจากบัญชีวัดเข้าบัญชีส่วนตัวของพระผู้ใหญ่อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเรียง ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 พ.ค.2568โอนไป 150,000 บาท นอกจากนี้ไม่พบยอดเงินทอดกฐิน และทอดผ้าป่าในปี 2567 อีกนับล้านบาทเข้าบัญชีวัดแต่อย่างใด เงินทอดกฐิน ทอดผ้าป่าหายไปไหนและอยู่ที่ไหน และยังพบว่าการเบิกถอนเงินจากบัญชีวัดไม่สอดคล้องกับบัญชีรายรับ-รายจ่ายของวัดที่ทำส่งสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยส่วนใหญ่รายรับมากแต่ส่งสำนักพุทธน้อย เช่น มีรายรับเข้าบัญชีวัด 1 แสนแต่ลงบันทึกส่งสำนักพุทธแค่ 10,000-20,000 บาทเท่านั้น เป็นต้น.พระปรัชญชัย หรือทิศแมนกล่าวยืนยัน..!!


ไพฑูรย์ อินทศิลา/นครศรีธรรมราช
5 ก.ย. 2568

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *