Skip to content
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ได้มีการบันทึกเทปเกี่ยวกับเส้นทางการเมืองของ นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง เพื่อกระตุ้นให้เด็ก เยาวชน และประชาชนหันมาสนใจ เกี่ยวกับการเมืองระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยมีนายณพล (สัมภาษณ์) บริบูรณ์ คณะทำงานนายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง สังเกตการณ์ และทีมงานของสถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภาบันทึกเทป
ประวัตินายฉลาด ขามช่วง เกิดเมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ.2499 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขานิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง และระดับปริญญาโท ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เคยเข้าอบรมหลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย สำหรับนักบริหารระดับสูง และหลักสูตรการเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่น 7 ของสถาบันพระปกเกล้า และยังได้รับปริญญาวิศวกรรมศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการ จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ประจำปีการศึกษา 2556 สำหรับเส้นทางการเมืองเคยได้รับเลือกตั้งเป็น สส.มามากถึง 8 สมัย
สำหรับเส้นทางการเมือง นายฉลาดเผยว่า ตนเองสนใจเรื่องการเมือง การปกครองมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว และอยากเด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่ได้มีการเรียนรู้การปกครองบ้านเมือง จะได้เข้ามามีบทบาทในการพัฒนาประเทศชาติบ้านเมืองให้เจริญเติบโตต่อไปในอนาคต
สำหรับประวัติในช่วงชีวิตที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สำคัญในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 ช่วงนั้นกำลังศึกษาที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้ไปทำหน้าที่ดูแลนักศึกษา นักเรียนอาชีวะ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปรากฏว่าเหล่านิสิตนักศึกษาถูกตั้งข้อหาว่า มีแนวคิดเป็นคอมมิวนิสต์ และล้มล้างสถาบัน จึงถูกล้อมปราบ แม้กระทั่งตนเองยังถูกควบคุมตัวไว้ที่โรงเรียนพลตำรวจบางเขนนานถึง 7 วัน จนกระทั่งทางมหาวิทยาลัยรามคำแหงต้องไปประกันตัวออกมา
ในเมื่อการเมืองไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงอยากให้เด็กและเยาวชนได้มีการเรียนรู้เกี่ยวกับการเมือง การปกครองในระบอบประชาธิปไตย ระบบรัฐสภา อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงได้คิดโครงการนำร่องเพื่อส่งเสริมความรู้ด้านประชาธิปไตย โดยทำโครงการรัฐสภาสัญจรเพื่อเด็กและเยาวชน หากโครงการประสบความสำเร็จ จะเป็นการปูทางให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้ การปกครองในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งจะได้นำความรู้ ความสามารถไปพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต
ภาพ/ข่าว ณพล บริบูรณ์, นภชนก เหมือนนามอญ รายงาน