อนุ กมธ.การเงิน การคลัง ฟันธงซื้อตึกประกันสังคม ไม่ถูกต้องตามระเบียบ เร่งให้ดำเนินการแก้ไขโดยด่วน ไม่เช่นนั้นจะส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.สอบต่อไป
เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ที่ห้องประชุมกรรมาธิการ N 403 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการการเงิน การคลัง ในคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน สภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในการประชุมคณะอนุกรรมาธิการการเงิน การคลัง โดยมีนายพฤฒิชัย วิริยะโรจน์ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการคนที่หนึ่ง น.ส.กชวรรณ เฉิดรัศมี นายชูกฤต ศรีอ่อนรอด นายกษิเดช แดงเดช อนุกรรมาธิการ นายวิรุณ ชัยลือกิจ เลขาอนุกรรมาธิการ นายณพล บริบูรณ์ ที่ปรึกษาประจำคณะอนุกรรมาธิการการเงิน การคลัง น.ส.นภชนก เหมือนนามอญ, รศ.ดร.พ.ต.อ.สมดุลย์ ดำทองสุก, นายฐานวัฒน์ วิบูลย์ธนสาร นายสุรจิต บุญยุคล นายวิศรุต ครุฑไกวัล ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ รวมทั้งคณะอนุกรรมาธิการการเงิน การคลัง เข้าร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง
ในการประชุมครั้งนี้ได้มีประเด็นสำคัญคือ กรณีสำนักงานประกันสังคมนำเงินกองทุนประกันสังคมไปซื้อหุ้นและลงทุนในตลาดหลักทรัพย์อาจจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยมีตัวแทนของสำนักงานประกันสังคมมาชี้แจงข้อเท็จจริง สืบเนื่องมาจากกรณีที่มีข่าวออกมาว่าทางสำนักงานประกันสังคมได้มีการซื้อตึกมูลค่า 7,000 ล้านบาทแพงเกินจริง โดยในที่ประชุมได้มีการชี้ประเด็นในการซื้อตึกครั้งนี้ว่า ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะต้องเป็นผู้เห็นชอบ รวมทั้งกรมบัญชีกลาง แต่การซื้อตึกของสำนักงานประกันสังคมครั้งนี้ อนุมัติโดยผ่านคณะกรรมการประกันสังคม ซึ่งถือว่าเป็นกระทำที่ผิดกฎหมาย
นอกจากนี้ในที่ประชุมยังได้ชี้แจงอีกว่า พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 โดยมาตรา 26 ระบุว่า “การจัดหาผลประโยชน์ของกองทุนให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง” แต่การซื้อตึกของสำนักงานประกันสังคม มีการผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการประกันสังคม แต่รัฐมนตรีไม่ได้ให้ความเห็นชอบ ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ถึงแม้จะอ้างว่าทางปลัดกระทรวงการคลังเห็นชอบแล้วก็ตาม ถือว่าไม่ถูกต้องเป็นข้าราชการประจำ แต่ตัวแทนของฝ่ายบริหารคือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งจะต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับงบประมาณแผ่นดิน จึงอยากให้ทางสำนักงานประกันสังคม ไปดำเนินการตามขั้นตอน ให้ถูกต้องตามกฎหมายที่กำหนด หากไม่ดำเนินการแก้ไขทางคณะอนุกรรมาธิการการเงิน การคลังฯ จะส่งเรื่องให้ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการสอบข้อเท็จจริงต่อไป
ภาพ/ข่าว ณพล บริบูรณ์, นภชนก เหมือนนามอญ รายงาน